4D BIM คืออะไรและจะเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการการสร้างแบบจำลองข้อมูล (BIM) ได้อย่างไร?
พูดง่ายๆ ว่า BIM คือกระบวนการสร้างแบบจำลองข้อมูลหรือชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยข้อมูลกราฟิกและไม่ใช่กราฟิก เป็นข้อมูล Digital ที่ใช้ร่วมกันซึ่งเรียกว่า Common Data Environment (CDE) ข้อมูลจะสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์เมื่อขั้นตอนของโครงการดำเนินไปจนกว่าชุดข้อมูลที่สมบูรณ์นั้นจะถูกส่งมอบให้กับลูกค้าและ / หรือผู้ใช้ปลายทางเมื่อเสร็จสิ้น
ในขณะที่เรากำลังสร้างแบบจำลองข้อมูล (BIM Model) เราสามารถเพิ่มข้อมูล ขั้นตอนการก่อสร้างไปยังส่วนประกอบต่างๆ ของอาคาร ทีละขั้นตอน (Step-by-Step) อย่างถูกต้อง โดยสามารถแสดงออกมาเป็นรูปร่าง ขั้นตอนต่างๆ ผ่าน BIM Model นี่คือกระบวนการที่เรียกว่า “4D BIM”

การเชื่อมโยงข้อมูลราคา เพื่อการวางแผนค่าใช้จ่ายและประเมินการใช้จ่าย เราเรียกว่า “5D BIM”
ในขณะที่การรวมข้อมูลเพื่อใช้ในขั้นตอนบริหารจัดการอาคาร (Facility Management) เราเรียกว่า “6D BIM”
4D BIM เป็นเรื่องของข้อมูลที่เกี่ยวกับเวลา เชื่อมโยงกับส่วนประกอบต่างๆ ของ BIM Model ซึ่งอาจรวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการผลิต, ระยะเวลาการก่อสร้าง และการติดตั้งหน้างาน รวมถึงการจัดลำดับการก่อสร้างกับพื้นที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ด้วยข้อมูลนี้ ผู้บริหารโครงการสามารถวางแผนขั้นตอนการก่อสร้างที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่เชื่อถือได้แหล่งเดียว กิจกรรมและขั้นตอนเฉพาะภายในการก่อสร้างสามารถเชื่อมโยงกับการแสดงภาพกราฟิกได้อย่างชัดเจน
ผู้บริหารโครงการสามารถวางแผนขั้นตอนการก่อสร้างที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่เชื่อถือได้แหล่งเดียว
การรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเวลา ยังช่วยให้สามารถสร้างภาพ 3 มิติของการก่อสร้างโครงการซึ่งแสดงให้เห็นว่าจะสร้างอย่างไร ทั้งโครงสร้างอาคารและพื้นที่โดยรอบโครงการจะปรากฏในแต่ละเฟสอย่างไร สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากในแง่ของการวางแผนงานอย่างปลอดภัยและเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในโครงการ

ด้วยข้อมูลการก่อสร้างและภาพประกอบเช่นนี้ ทีมโครงการสามารถสร้างต้นแบบอาคารในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนก่อสร้างจริง และให้ข้อเสนอแนะอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการออกแบบหรือวิธีการก่อสร้างแก่ทีมงาน
สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากในแง่ของการวางแผนงานอย่างปลอดภัยและเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในโครงการ
วิธีการดังกล่าวช่วยลดการทำงานซ้ำในนาทีสุดท้าย, กำจัดขยะจากกระบวนการจัดส่ง และช่วยเร่งความเร็วได้ในที่สุด นี่เป็นกุญแจสำคัญเนื่องจากการปรับแก้หน้างานมีราคาแพง และเป็นสัดส่วนที่สำคัญของต้นทุนทั้งหมดสำหรับหลายโครงการ
ด้วย 4D BIM ทำให้สามารถปรับต้นทุนสำหรับทีมโครงการและเพิ่มขีดความสามารถในขณะที่ลดต้นทุนการจัดส่งโดยรวมสำหรับลูกค้า
4D BIM เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการสื่อสารกันในทีมงาน สร้างผลกระทบที่น่าพอใจกับเจ้าของโครงการ ในช่วงการส่งมอบอาคารเมื่อเสร็จสิ้น ทุกคนสามารถเห็นและเข้าใจจากการแสดงผลที่ชัดเจนว่าขั้นตอนการก่อสร้างจะเป็นอย่างไร แทนที่จะต้องจินตนาการจากแผนการก่อสร้าง หรือ Gantt Chart

เราสามารถทำงานกับ 4D ในทุกขั้นตอนของโครงการและสามารถเพิ่มมูลค่าและผลกระทบมากมายที่หน้างาน เมื่อประเมินความเป็นไปได้ของการก่อสร้างโครงการ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในระหว่างการประกวดราคา หากคุณต้องการทำความเข้าใจโครงการอย่างรวดเร็ว หรือทำให้ทุกคนในทีมเห็นภาพ และสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับวิธีการก่อสร้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจ เห็นได้ชัดว่าข้อมูลที่จะได้รับจะค่อนข้างเยอะในช่วงแรก และจะเพิ่มรายละเอียดเมื่อโครงการต่อดำเนินไป
สิ่งสำคัญที่ควรทราบก็คือ “4D BIM” หมายถึงวิธีการเชื่อมโยงข้อมูลกับแบบจำลองข้อมูล (BIM Model) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็น “ข้อมูล” และความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบ Digital การนำ BIM 4D, 5D และ 6D มาใช้ในกระบวนการใช้ BIM ถือว่าเป็น BIM ระดับ 2 (BIM Level 2)
สำหรับผู้บริหารโครงการที่กังวลว่า 4D BIM จะมาแทนหน้าที่ตนเองนั้น เป็นความคิดที่ไม่เป็นความจริง
4D BIM ช่วยผู้บริหารโครงการเข้าใจความสำคัญของทีมโครงการมากขึ้น แทนที่จะเกิดขั้นตอนที่ต้องมีการทำซ้ำหลายครั้ง การนำ 4D BIM มาใช้จะช่วยให้ผู้บริหารโครงการตัดสินใจได้ดีขึ้น ทำให้มีบทบาทมากขึ้นในการกำหนดขั้นตอนการก่อสร้างตั้งแต่แรก ซึ่งจะทำให้ผู้บริหารโครงการมีความสำคัญมากขึ้นต่อทีมงานขึ้นไปอีก
รู้แบบนี้แล้วทำไมเราถึงจะไม่ไปให้ถึงการทำ 4D BIM? เลือกซักโครงการนึงแล้วมาลองทำกันครับ